วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สยาม พีอาร์ ชูกลยุทธ์พีอาร์ปี 53
จับตามอง Social Media สื่อใหม่กำลังมาแรง

บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด เผยกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ปี 2553 ให้จับตามองความเปลี่ยนแปลงของสื่อ โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผู้บริโภคข่าวสารให้ความนิยมลดน้อยลงและหันมาบริโภคข่าวสารผ่านดิจิตอล มีเดียกันมากขึ้น แนะพร้อมรับมือกับกลยุทธ์ Social Media ช่องทางการสื่อสารใหม่ที่กำลังมาแรง และทรงอิทธิพลในหมู่ผู้บริโภค

นางเปรมศิริ ดิลกปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร แสดงความเห็นเรื่องกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ ปี 2553 ในงานสัมมนา ทิศทางการสื่อสารการตลาดปี 2553 ว่า แนวโน้มช่องทางการสื่อสารการตลาดในปีนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และจะยิ่งเห็นได้ชัดในปี 2553 โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากการนั่งอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ทุกเช้าเป็นการเข้าถึงข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เช่น การอัพเดทข่าวสารผ่านทางมือถือ หรือการเสิร์ชหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท จึงส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับวงการสื่อสิ่งพิมพ์ด้านยอดผู้อ่าน และรายได้จากโฆษณาลดลง ทำให้หนังสือพิมพ์บางเล่มจำต้องปรับตัวโดยลดปริมาณยอดพิมพ์ จำนวนหน้า และบางแห่งต้องปิดตัวลง อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งอเมริกาที่พบว่ายอดรายได้ของสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงเป็นประวัติการณ์สวนทางกับยอดรายได้โฆษณาทางสื่อออนไลน์ที่เติบโตขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้มช่องทางการสื่อสารการตลาดในปี 2553 กำลังเข้าสู่ยุคของสื่อดิจิตอล มีเดีย อย่างแท้จริง

“เทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบันทำให้ดิจิตอล มีเดีย กลายเป็นช่องทางการสื่อสารใหม่ที่กำลังมาแรง และทรงอิทธพล เพราะเป็นการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วสามารถอัพเดทได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งนักการตลาดทั่วโลกเริ่มใช้สื่อ Social Media ทำการตลาดมากขึ้นถึง 66%ผ่านทางเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง Facebook, YouTube และ Twitter” นางเปรมศิริ กล่าว

นางเปรมศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า Social Media คือ รูปแบบการสื่อสารที่มุ่งสร้างความสัมพันธ์ในเครือข่ายทางสังคมแบบใยแมงมุม ผู้คนจะอยู่ร่วมกันในรูปแบบชุมชน มีปฏิสัมพันธ์กัน มีส่วนร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ ตามความสนใจของแต่ละบุคคล ซึ่ง Social Media เป็นสื่อที่ทำให้บุคคลธรรมดาทั่วไปมีพื้นที่ในการแสดงความคิด สร้างสรรค์ผลงานผ่านโลกออนไลน์ ดังนั้น เราจึงได้เห็นบุคคลทั่วไปกลายเป็นคนดังในวงสังคม ได้เห็นบล็อกเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องต่าง ๆ จำนวนมากเกิดขึ้นและกลายเป็นผู้นำทางความคิดแห่งโลกออนไลน์ จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักการตลาด และนักประชาสัมพันธ์ในประเทศไทยควรจะตื่นตัว และพร้อมรับมือกับกลยุทธ์การสื่อสารในรูปแบบใหม่นี้

สำหรับกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ปี 2553 นักการตลาด และนักประชาสัมพันธ์ควรจะผสมผสานการใช้สื่อพื้นฐาน เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ และวิทย เข้ากับการสื่อสารแบบ Social Media เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้น มากขึ้น และสร้างกระแสความสนใจให้เป็น Talk of the Town และควรทำการศึกษา ทำความเข้าใจรูปแบบของสื่อ Social Media ที่มีความแตกต่างจากสื่อพื้นฐานทั่วไป เพื่อสามารถทำการตลาด และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่องทางใหม่ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นางเปรมศิริ กล่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 02-693-7835-8

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ

น่าจะเป็นสโลแกนของคนพีอาร์ ในวันนี้ หากต้องการที่จะเข้าไปในเครือข่ายใยแมงมุมนี้ละก็ ต้องลืมการสื่อสาร การทำประชาสัมพันธ์ แบบเดิมๆ ไปก่อน (ไม่ได้หมายความว่าทิ้งไปหมดนะ หากยังต้องพึ่งพาสื่อเดิมๆ ก็ยึดแนวทางเดิม) แต่สำหรับ Social Media แล้ว ให้เริ่มต้นจากข้อที่ 1. ทัศนะคติของคนพีอาร์ที่มีต่อ สมาชิกเครือข่ายคือ เขาไม่ใช่ Audience ไม่ใช่ผู้รับสาร พวกเขาเป็นเหมือนเพื่อนของเรา ที่คบหากัน มีสัมพันธภาพ relationship 2. ท่าทีของเราต้องเปลี่ยนจาก Selling story มาเป็น Telling story ฉะนั้น จะเล่าเรื่องให้ถูกใจสมาชิกได้ก็ต้อง รับฟัง พูดคุย แลกเปลี่ยน 3. เรื่องที่เล่าไป ก็ต้องเป็นเรื่องที่เรารู้จริง จริงใจ และพร้อมที่จะเปิดรับข้อคิดเห็น คำวิพากษ์วิจารณ์ของสมาชิกในเครือข่าย เรียกว่าต้องมีท่าทีแบบอ่อนน้อมถ่อมตน นอกจากการหวังพึ่ง Blogger ที่เป็นผู้นำทางความคิดในสังคมเครือข่ายใยแมงมุมแล้ว คนพีอาร์ก็ควรฝึกวิทยายุทธ์ในการเข้าถึงสมาชิกเครือข่ายได้ด้วยตนเอง วันนี้ คนพีอาร์กำลังเผชิญหน้ากับ การประชาสัมพันธ์ ที่เปลี่ยนแปลงไป The Game is Changing ที่พวกเรา ต้องปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายใหม่ๆ ให้ทัน

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

Social Media สังคมเครือข่ายใยแมงมุม ตอนที่ 4

สมาชิก Social Media เรียกว่าช่วยกันถักทอเครือข่ายด้วยวิถีของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึงกันและกัน และวัฒนธรรมแบบนี้ ก็ได้ให้กำเนิด influencer ยุคดิจิตอลขึ้นมา คือ Blogger ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้นำทางความคิด คล้ายๆ กับ สื่อมวลชน แต่ที่แตกต่างกันมากๆ ก็คือ สื่อมวลชน ดำรงบทบาทผู้นำทางความคิดเพราะ มีปากกา มีเครื่องมือสื่อสารอยู่ในมือ ความรู้ข้อมูลข่าวสารเป็นภารกิจที่สื่อจะไปสรรหามานำเสนอ ในขณะที่ Blogger สั่งสมบารมีมาจากผู้รู้จริง หรือผู้ที่มีความมุ่งมั่นในเรื่องนั้นๆ เรื่องที่เขาให้ความสนใจอย่างแท้จริง จนสมาชิกชุมชน ต่างก็ยอมรับ เรียกว่าต้องใช้เวลาในการสั่งสมประสบการณ์ บารมี กว่าจะมาเป็น Blogger ที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อสมาชิกในเครือข่ายได้ Blogger จึงกลายเป็นผู้นำทางความคิดกลุ่มใหม่ ที่นักการตลาด ต่างก็เบนเข็มมุ่งไปหา จึงไม่น่าแปลกใจว่า วันนี้การทำงานการตลาด ประชาสัมพันธ์เริ่มมีการรวบรวม list ของ Blogger เหล่านี้ ในฐานะสื่ออีกแขนงหนึ่งด้วย การเข้าถึง Blogger จะช่วยให้เราเข้าถึงสมาชิกเครือข่ายนั้นด้วย หรือไม่.............มีคำตอบตอนต่อไป

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ชุมชนเครือข่ายใยแมงมุม ตอนสาม

Social Media สื่อใหม่ที่คนพีอาร์ ต้องสนใจ (ตอน 3)

ก่อนจะเข้าหาชุมชนใยแมงมุม ก็ต้องรู้จักแคแรคเตอร์เขาก่อน Social Media ไม่ใช่ Traditional Media เขาอยู่กันแบบแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร กัน ย้ำแบบมี Conversation คือ สนทนาแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ทฤษฎีสื่อสารเดิมๆ แบบมีผู้ส่งสาร ผู้รับสาร และตัวกลาง คือ medium เอามาใช้ไม่ได้จ้ะ ในชุมชนใยแมงมุม ทุกคนเป็นทั้งผู้ส่งสาร ผู้รับสารและผู้เผยแพร่ วิเคราะห์ข้อมูล สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป คือทุกคนมีส่วนร่วมและที่สำคัญ ขอย้ำ สำคัญ ข้อมูลข่าวสารที่เขาสนทนาแลกเปลี่ยน นั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้อเท็จจริงจากประสบการณ์ รู้ลึก รู้จริง แบบวงใน บ่อยครั้งก็รู้ก่อน รู้มากกว่าสื่อมวลชน จนบางทีสื่อก็ต้องมาหยิบจับประเด็นจากชุมชนใยแมงมุง ไปทำเป็นข่าว คนพีอาร์ที่ซุ่มซ่ามหลงเข้าไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เขาก็จับได้ว่า เป็นพวกเอเลี่ยน หลายคนก็หน้าแตกมาแล้ว เพราะถูกเปิดโปงจากสมาชิกชุมชนว่า พยายามเข้าไปขายของ เพราะ คนพีอาร์ส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับการนำเสนอด้านเดียว แบบ แลกเปลี่ยนสนทนา นั้นยังไม่รู้ว่าทำกันยังไง.....................(ยังมีต่อตอนที่ 4)

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

Social Media สื่อใหม่ที่คนพีอารฺต้องสนใจ (ตอน 2)

Social Media สื่อใหม่ที่คนพีอาร์ ต้องสนใจ (ตอน 2)

การเข้าหา ชุมชนใยแมงมุมที่ว่า ก็ถือเป็นศาสตร์และศิลป์ ที่คนพีอาร์ต้องช่วยกันคิดค้น ก็ขอจุดประกาย จากแนวคิดของฝรั่งก่อนก็แล้วกัน ที่ อเมริกา วงการพีอาร์กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันขนานใหญ่ ด้วยสาเหตุที่ไม่ปรับตัว หรือปรับตัวช้าไป แบบสังคมค่อนข้างจะรังเกียจวิธีการเก่าๆ ของคนพีอาร์ที่เอาแต่ส่ง press release แบบไม่ลืมหูลืมตา และคิดไปเองว่า ข่าวประชาสัมพันธ์ของตัวเองน่ะ เจ๋งสุดๆ จนพวก บล็อกเกอร์ดังๆ ถึงขั้น ทำ blacklist พีอาร์เห่ยๆ กันเลย เตือนๆ กันไว้ก่อนที่พีอาร์ไทยจะโดนเข้ามั่ง วงการพีอาร์ที่นั่นก็เลยตื่นตัวกันยกใหญ่ ถึงขั้นหลายๆ มหาวิทยาลัย เปิดหลักสูตรว่าด้วย Social Media ไปจนถึงการสื่อสารกับ Social Media นับว่าเป็นมิติใหม่กันจริงๆ...........(โปรดติดตามตอนที่ 3 ที่นี้เข้าเรื่องจริง ๆ ละ)

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

Social Media สื่อใหม่ที่คนพีอาร์ ต้องสนใจ

สื่อใหม่ ที่ได้ชื่อว่า Social Media กำลัง มาแรง แซงทางโค้งจริง ๆ และก็เป็นสื่อที่มี ฟอร์มแตกต่างจากสื่อเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย โดยสิ้นเชิง เพราะ Social Media เป็นสื่อที่เกิดมาจาก คนทั่วๆ ไป ธรรมดา สามัญ ไม่จำกัดอายุ เพศ วัย ความรู้ สถานภาพทางสังคม ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนักข่าว สื่อมวลชน ก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร จนปัจจุบัน เครือข่าย Social Media นี้ ได้กลายเป็นชุมชนใยแมงมุมโยงใยกันไปทั่วโลก ทำให้เรา สามารถพูดคุยกันแบบ ตัวต่อตัว one on one แบบ หนึ่งต่อ หลายๆ one to many หรือ แบบหลายต่อหลาย many to many ได้ทุกรูปแบบ และที่สำคัญคือข้อมูลข่าวสารที่แลกเปลี่ยนกันไปมา ถึงกับทำให้ ผู้เชี่ยวชาญ หรือมืออาชีพทั้งหลายต้องอึ้งกันไป เพราะ ชุมชนที่รู้จริง รู้ลึก รู้มาก แสนรู้ไปหมด ปิดทาง พวกนักการตลาด การสื่อสาร ทั้งหลายต้องอึ้ง (กิมกี่) ไปตามๆกัน เพราะ วิธีส่งสารแบบ one way ticket นั้น หมดความขลังลงไปเรื่อยๆ เพราะชุมชนใยแมงมุม เขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ทั่วโลก (ย้ำว่าทั่วโลก) แล้วแบบนี้ คนพีอาร์ ยังนิ่งเฉยได้ก็กระไรอยู่นะ........ (โปรดติดตามตอนต่อไป)

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

The Power of PR โดย เปรมศิริ ดิลกปรีชากุล

“The Power of PR”

วันนี้ต้องบอกว่าผู้บริโภคไทยไปไกลมากๆ มีการติดตามข้อมูลข่าวสาร เกาะติดการสื่อสารมวลชนอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน กรณีทุบรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งจนกลายเป็นข่าวระทึกขวัญระดับโลก หรือผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งกล้าเผชิญหน้ากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างหาญกล้าในรายการทีวีชื่อดัง ด้วยสาเหตุที่เธอต้องการทำตาสองชั้นแต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น “จมูกใหม่” หลังจากที่เธอพยายามพูดคุยเจรจากับแพทย์ นอกจากที่ไม่ประสบผลแล้วเธอยังรู้สึกว่าได้รับการดูถูกอีก และในที่สุดสื่อรายการวิทยุรายการหนึ่งก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เธอมีทางออก กล้าที่จะตอบโต้กับแพทย์เจ้าของเคสในรายการทีวี และปัญหาดังกล่าวนำเข้าสู่การสอบสวนของแพทยสภาในที่สุด เหตุการณ์ข้างต้นและอีกหลายเหตุการณ์เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่ทำให้นักการตลาด นักการสื่อสาร ผู้ประกอบการ ต้องตี่นตัวและพิจารณาอย่างจริงจังถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคบ้านเราว่าไม่ธรรมดาเสียแล้ว สื่อมวลชนได้เพิ่มบทบาทมีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อผู้บริโภค สื่อมวลชนในวันนี้เป็นทั้งแหล่งข้อมูล เป็นที่ปรึกษา และในบางครั้งก็เป็นผู้ชี้นำหาทางออกให้ผู้บริโภคได้พบทางสว่างในการใช้พลังของตนเองเผชิญหน้ากับผู้ประกอบการ เจ้าของสินค้า ยิ่งสื่อมวลชนมีบทบาทมีอิทธิพลต่อการรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อของผู้บริโภคมากขึ้นเท่าไหร่งานประชาสัมพันธ์ก็ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น

“ตรงนี้คือหัวใจของงานประชาสัมพันธ์ที่ใครก็ตามอยากใช้เครื่องมือตัวนี้ต้องเข้าใจ งานประชาสัมพันธ์เป็น การสื่อสารที่ต้องผ่านบุคคลที่สามเสมอ ความสำเร็จของงานประชาสัมพันธ์ก็คือการได้รับการยอมรับ เชื่อถือ และไว้วางใจจากบุคคลที่สามจนมีการบอกต่อถึงคุณงามความดีที่บุคคลที่สามเหล่านี้ยอมรับ (Third Party Endorsement)”

การยอมรับด้วยการ กล่าวถึง เขียนถึง บอกต่อ เหล่านี้จึงกลายเป็นการสื่อสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคนี้ ซึ่งก็สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในเวลานี้อย่างที่สุด ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสารเต็มไปหมด เป็นยุคที่ผู้บริโภคเลือกที่จะฟัง เลือกที่จะเชื่อ ไม่สามารถรับได้ทั้งหมด บริโภคจึงมีการคัดเลือกข้อมูลข่าวสารและมีความละเอียดอ่อนที่จะเชื่อและไม่เชื่อ ดังนั้นการสื่อตรงๆ จากเจ้าของสินค้า ผู้ประกอบการ ดูจะแข็งทื่อ ขาดความน่าเชื่อถือ ขาดน้ำหนักในสายตาของผู้บริโภคในยุคนี้ไปแล้ว ดังนั้นบุคคลที่สามกำลังมีบทบาทที่สำคัญ บุคคลที่สามที่ว่านี้หมายรวมถึง สื่อมวลชน ข่าวในหนังสือพิมพ์ ข้อเขียนคอลัมนิสต์ รายการทีวีทั้งภาคข่าว ภาคบันเทิงและปกิณกะ นักวิชาการ เพื่อนฝูง พ่อแม่ พี่น้อง ข้อมูลในเวบไซท์ ฯลฯ กำลังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ ไม่ซื้อ ใช้ไม่ใช้ เลือกไม่เลือก ชอบไม่ชอบ เชื่อมั่นไม่เชื่อมั่น………… ของผู้บริโภค

ถึงตรงนี้ท่านที่สนใจในงานประชาสัมพันธ์คงไม่แปลกใจว่าทำไมงานประชาสัมพันธ์ถึงได้ฮอตฮิตกันขนาดนี้ ใครๆ ก็พูดว่ายุคนี้ต้องใช้ประชาสัมพันธ์ เห็นด้วยที่พูดกันว่างานประชาสัมพันธ์กำลังทวีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เห็นด้วยเลยที่จะนำกันมาใช้อย่างตามกระแส อะไรๆ ก็ต้องประชาสัมพันธ์กันไว้ก่อน โดยขาดความเข้าใจในธรรมชาติของเครื่องมือนี้ หลายปีที่ผ่านมานี้ จึงมีการจัดงานแถลงข่าว ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมแปลกๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากสื่อมากมาย บ้างก็เลยเถิดไปถึงขั้นสร้างภาพอนาจารขึ้นหน้าหนึ่งกันไปเลย เคยสอบถามนักข่าวสายเศรษฐกิจว่ากิจกรรมประชาสัมพันธ์ที่ได้รับเชิญนั้นมีมากน้อยเพียงไร ได้คำตอบว่าเฉพาะข่าวเศรษฐกิจแล้ววันหนึ่งๆ มีหมายเชิญกันนับหลายร้อย จนสื่อเองบอกว่าแค่ตามข่าวตามหมายเชิญก็แทบจะทำงานกันไม่ทันแล้ว และที่สำคัญที่ทำให้สื่อโกรธมากๆ คือ ไปแล้วไม่มีข่าว จัดงานอลังการมากแต่ไม่มีข่าว บ่อยครั้งเข้านักข่าวต้องทำแบล็กลิสต์ว่าถ้าเจ้านี้จัดไม่ไป ฐานที่ทำให้เสียเวลา
นับวันสื่อก็ยิ่งมีการคัดเลือกมากขึ้นสำหรับงานที่จะไป ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้งานประชาสัมพันธ์ตกอยู่ในภาวะการใช้งานจนเฝือ ถึงกับมีผู้บริหารหลายท่านสาปส่งงานประชาสัมพันธ์ ด้วยประสบการณ์ร้ายๆที่เจอด้วยตนเอง จนสรุปว่าเป็นวิธีการสื่อสารที่ไม่ได้ผลเกิด ทัศนคติในทางลบกับงานประชาสัมพันธ์กันไปเลย ทั้งๆที่การไม่ประสบผลนั้นอาจมาจากสาเหตุของคนที่นำไปใช้อย่างผิดที่ผิดทาง จึงทำให้เครื่องมือนี้ด้อยคุณค่าไป
ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มากว่า 20 ปีจึงต้องขอออกมาทำความเข้าใจกันว่า หากท่านต้องการที่จะใช้เครื่องมือตัวนี้ ท่านควรเข้าใจธรรมชาติของงานประชาสัมพันธ์กันเสียก่อน และมีความอดทน และควรมีการพัฒนาความรู้ความสามารถอย่างเพียงพอที่จะสื่อสารผ่านบุคคลที่สาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พลังของการประชาสัมพันธ์อยู่ที่ “การได้รับการยอมรับของกลุ่มบุคคลที่สาม” ความละเอียดอ่อนอยู่ที่ตรงนี้ เมื่อไรก็ตามที่เราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจของเรา เป็นคนกลาง ยิ่งบุคคลกลุ่มนั้นได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากสาธารณชนมากเท่าไร เราก็ยิ่งได้รับผลลัพธ์เป็นทวีคูณ

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สวัสดี ปีใหม่ ......ปีฉลู .......ปี 2009

พวกเราชาวสยามพีอาร์ ขอต้อนรับทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าชม เวบไซด์ ของเรา สำหรับท่านที่เพิ่งเข้าชม ขอเรียนว่า เราได้ปรับปรุงโฉมใหม่ และเพิ่มเนื้อหาข้อความที่น่าสนใจในเรื่องราวของการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะ Blog นี้ ขอเปิดให้เป็นพื้นที่ เสรีทางความคิด ความเห็น ที่พวกเราสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งในงานประชาสัมพันธ์ และการสื่อสารทุกรูปแบบ ทุกกรณี ศึกษา ทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา ได้ทั้งนั้นค่ะ

Hi…..Power PR ก็ยังคงเป็นกระแสหลักสำหรับการสื่อสารองค์กร การตลาด ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบาก แน่นอนว่า ทั้ง ผู้ประกอบการ นายจ้าง เถ้าแก่ หรือแม้แต่ ซีอีโอ ทั้งหลายย่อมให้ความสำคัญกับทุกเม็ดเงินในการทำการตลาด ปีนีผู้ปฏิบัติงานด้านการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ ก็คงจะถูกแรงกดดันที่ว่านี้ไม่มากก็น้อย

กลยุทธ์การสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขอเชิญชวน เข้าฟังกลยุทธ์การรบให้ชนะในช่วงเศรษฐกิจขาลง กันอย่างไร ก็สมัครกันได้ที่ Knowledge Management โทร 02 238 2577-78 แจ้งว่าอาจารย์เปรมศิริ เป็นผู้แนะนำ เผื่อว่าจะได้ราคาพิเศษค่ะ

หากรอกันไม่ไหวเพราะจะจัดกันช่วงเดือนมีนาคม ก็ขอเชิญชวนทุกท่านคลิกเข้าไปใน หนังสือ Hi…Power PR นะคะ มีหลายเรื่องหลายตอน ที่พอจะเอาไปใช้งานได้ เช่น รู้เท่าทันงานพีอาร์ ประชาสัมพันธ์กับสื่อมวลชน ทำอย่างไรถึงได้พื้นที่ข่าว ประชาสัมพันธ์อย่างไรให้ได้ผลต้องรู้อะไรบ้าง ติดอาวุธอะไรบ้าง และก็อีกหลายๆ เรื่องราว ที่ผู้เขียนเขียนจากประสบการณ์ตรงในการทำงานสื่อ และงานประชาสัมพันธ์มากว่า 20 ปี ไม่หวงนะคะคลิกเข้าไปได้เลยค่ะ

จะพยายามเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูล ตอบคำถาม และแสดงความเห็น กับพวกเรา ให้บ่อยเท่าที่สามารถนะคะ